วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556

ต้องเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะออกมาเป็น Emoes

           



            ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ขณะที่กำลังเขียบบล็อกอยู่นี้ งานนิตยสารยังคงอยู่ในโรงพิมพ์ ตอนนี้ลุ้นมากเลยค่ะว่านิตยสารจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร จะออกมาแบบ Emoes Emoes หรือไม่ คงสงสัยกันว่าแบบ Emoes Emoes คือแบบไหน ก็คงจะเป็นแบบหลากหลายอารมณ์ มีเนื้อหาสาระที่แตกต่างหลากหลายอ่านแล้ว รู้สึกถึงอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเราทุกคน และตอนนี้ก็กำลังจะเดินทางไปรับนิตยสารที่โรงพิมพ์ ยิ่งเพิ่มความตื่นเต้นเข้าไปอีก พอไปถึงโรงพิมพ์ก็ไปรับนิตยสารตามปกติ แต่พอแกะดูเท่านั้นแหละ ตกใจเลยค่ะ เพราะว่ามันสวยอ่ะ ออกมาดูดี ฮ่าๆๆ (เข้าข้างตัวเองสุดๆ) แต่มันสวยจริงๆ เล่มหนาพอสมควรเพราะมีตั้ง 150 หน้า แต่ก็ดูไม่เยอะเกินไปหรอกนะคะ เพราะเนื้อหาของเรามีหลากหลายอ่านแล้วไม่น่าเบื่อหรอกค่ะ อีกทั้งยังมีนางแบบที่ดึงดูดความสนใจสุดๆ เลยค่ะ


                  หากจะพูดถึงความรู้สึกนั้นคงจะพูดกันยาวมากเพราะในขณะก่อนเริ่มทำนิตยสาร ขณะทำนิตยสาร และหลังทำนิยสารเสร็จ ต่างก็เกิดความรู้สึกที่แตกต่างกันทั้งนั้น เริ่มจากก่อนทำนิตยสารรู้สึกเป็นกังวล เครียด และท้อใจ ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำ ซึงเป็นสิ่งที่ไม่ดีมากๆ เลยค่ะ แต่มันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะว่าคิดไม่ออกว่าจะทำออกมาแนวไหน เรื่องอะไร มันจะออกมาดีไหม มีคำถามในหัวเต็มไปหมด ในช่วงนั้นยอมรับเลยว่ากดดันมากๆ เพราะคิดจะทำยังไงก็กลัวว่าจะออกมาไม่ดี ไม่เพอร์เฟค แต่ในที่สุดก็ตกลงกันในกลุ่มว่าจะทำเรื่อง เกี่ยวกับอารมณ์ ต่อมาก็มีคำถามต่อว่าแล้วจะเป็นรูปแบบไหน ก็มีเพื่อนในกลุ่มเสนออกมาว่า รัก โลภ โกรธ หลง ไงมันน่าจะเป็นไปได้ สุดท้ายจึงตกลงปลงใจกันว่าจะทำนิตยสารที่เกี่ยวกับอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง หลังจากนั้นจึงแบ่งหน้าที่กันว่าให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มไปหาข้อมูลมาว่าหากจะเอามาสร้างเป็นคอลัมน์จะได้ออกมาเป็นคอลัมน์อะไรบ้าง เมื่อได้คอลัมน์ที่ช่วยกันคิดไว้ จึงได้เริ่มขั้นตอนต่อไปคือ
           
             ขณะทำนิตยสาร ยิ่งมีความกดดันเข้าไปอีกค่ะ เพราะงานวิชาอื่นก็เยอะเหมือนกัน จึงเริ่มกังวลใจว่าจะเสร็จทันตามกำหนดเวลาหรือไม่ แต่กังลวไปก็เสียเวลาเปล่าจึงลงมือทำเลยเริ่มจากคอลัมน์ สัมภาษณ์ศาสนาพุทธ ก็ได้ไปสัมภาษณ์พระอาจารย์ ที่วัดบวรนิเวศ และต่อมาก็ได้ไปสัมภาษณ์ศาสนาคริสต์ คือสัมภาษณ์ Elder (ผู้ถ่ายทอดคำสอนของศษสนาคริสต์)ซึงวันที่เดินทางไปสัมภาษณ์เหนื่อยมากๆ แดดร้อนมาก รอนานมาก และพอสัมภาษณ์เสร็จก็ไปลุยคอลัมน์ สถานที่บำบัดอารมณ์ต่อ นั่นก็คือ สวนจตุจักร ก็ต้องเดินรอบสวนเพื่อที่จะขอสัมภาษณ์ผู้เข้ามาใช้บริการว่ามีความประทับใจอย่างไรบ้างกับสวนจตุจักร หลังจากนั้นก็ไปคอลัมน์ร้านอาหาร ที่ตลาดรถไฟ คือร้านบะหมี่จอมพลัง ซึ่งต่อแถวนานมาก คนเยอะมาก รอจนเหนื่อย รอจนเพลีย รอจนท้อ คงพูดคร่าวๆ ละกันนะคะ เพราะหากจะบอกหมดว่าไปสัมภาษณ์ที่ไหนบ้างคงไม่ไหวมันเยอะมาก เพราะส่วนใหญ่ก็ออกไปสัมภาษณ์กันหลายที่ ขั้นตอนนี้ก็เป็นขั้นรวบรวมข้อมูล แต่บังเอิญว่ากลุ่มเราเน้นข้อมูลสด จึงต้องเดินทางออกไปด้วยตนเอง
เบื้องหลังการทำงาน

    จึงทำให้เหนื่อยมากๆ และเมื่อรวบรวมข้อมูลจนครบกันแล้วต่อมาก็เป็นขั้นตอนของการวางรูปเล่มนิตยสารซึ่งทีคิดไว้ตั้งแต่แรกคือจะให้สมาชิกในกลุ่มแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนวาง เพราะรูปแบบจะได้ออกมาเหมือนกันทั้งเล่ม แต่ที่ไหนได้กลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะ สมาชิกที่จะให้ทำก็มีงานรุมเร้าเข้ามา และด้วยจวนเวลาที่จะส่ง จึงคิดกันใหม่ว่าหากจะรอคงทำไม่ทันกำหนดเวลาส่งแน่นอน จึงตัดสินใจให้ทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องพักของฉันเพื่อที่จะมาช่วยกันวางรูปแบบหน้านิตยสาร เพราะฉันเองยอมรับเลยว่า ฝีมือการใช้ Photoshop ของตัวเองนั้นแย่มาก คิดอยู่ว่าจะทำได้หรือ ? แต่ก็คิดว่าไม่ได้แล้ว มันไม่ทันแล้วต้องช่วยกันทำ ซึ่งตอนแรกมี เก่ง เนย และฉัน รวมตัวกันที่ห้องพักของฉัน สามคนช่วยกันวางรูปแบบหน้าในนิตยสาร แต่จนวันก่อนสุดท้ายที่จะเข้าโรงพิมพ์จึงคิดได้ว่าทำไม ไม่ให้เพื่อนอีกสองคนลองมาทำดูเพราะมันยังเหลืออีกเยอะเลย จึงโทรเรียกมาช่วยทำ และเพื่อนทั้งสองคนคือ ปุ๊ย กับแอม ก็ช่วยกันทำ สรุปแล้วจึงช่วยกันทำทั้ง 5 คน ทุกคนต่างเคร่งเครียด ตั้งใจ ในการทำคอลัมน์ที่ตังเองต้องรับผิดชอบอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะปวดหลัง ง่วงนอน ก็อดทน เราทำกันเรื่อยๆ ผ่านไปหลายชั่วโมง เราเริ่มทำกันตั้งแต่ 11 โมงเช้า ทำไปเรื่อยๆ จนถึง 7 โมงเช้า จนทุกคนไม่ไหวจึงต้องแอบงีบหลับไปตามๆ กัน มันเป็นเหมือนช่วงเวลาที่เลวร้ายมากสำหรับฉัน ฉันทำงานมาเกือบหนึ่งอาทิตย์ นอนน้อย กินไม่อิ่ม ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไม่มีเวลาคุยกับพ่อแม่ พูดได้เลยว่าท้อมาก กดดัน อยากจะร้องไห้ แต่พอเห็นเพื่อนทุกคนช่วยกันทำมันก็ทำให้ฮึดสู้ขึ้นมา เพราะคิดว่าเพื่อนยังทนได้ ทำไมเราทนไม่ได้ ทนเหนื่อยเอาหน่อยอีกไม่กี่วันเอง ก็จะเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะเสร็จแล้ว เพื่อนต่างก็ท้อไปตามๆ กัน แต่ก็คอยให้กำลังใจกันเสมอ
เบื้องหลังการทำงาน
 
บางทีเพื่อนแอบเผลอหลับ เราก็ต้องคอยสกิดให้ตื่นมาทำงาน รู้สึกว่าต้องมีความสามัคคีกันอย่างมาก ถึงจะผ่านมันไปได้ ทุกคนช่วยกันทำงานอย่างสุดความสามารถถึงแม้ว่าจะเป็นบ้างไม่เป็นบ้างก็ตามและสุดท้ายเราก็ช่วยกันวางรูปแบบหน้านิตยสารจนเสร็จ จนถึงวันที่ส่งโรงพิมพ์คิดว่าทุกอย่างจะดีแล้วแต่ไม่เลยค่ะ พอทางร้านเปิดให้ดูกลับมีข้อผิดพลาด แต่โชคดีที่พก Notebook ติดตัวไปด้วย จึงขอแก้ไขใหม่ และใช้เวลาแก้ไขในร้านเกือบประมาณ 3 ชั่วโมง เมื่อเสร็จจึงส่งไฟล์ให้ร้านเพื่อจะทำการตีพิมพ์นิยสาร แต่ทางร้านบอกว่าอาจจะไม่ได้ในวันจันทร์นะคะ เพราะเราไปส่งวันเสาร์ตอนบ่ายแล้ว ฟังแล้วรู้สึกใจแป้วมากๆ เพราะตามนัดส่งอาจารย์คือวันจันทร์ พยายามขอให้ทางร้านรีบทำให้แต่ก็ไม่ได้เพราะงานเค้าก็เยอะมาก เราเลยทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องตามคิวของทางร้าน แต่สุดท้ายแล้วลองโทรไปถามความคืบหน้าในวันจันทร์ตอนสายๆ ทางร้านก็บอกว่าเสร็จแล้วค่ะ มารับได้เลย ตอนนั้นถึงกับอึ้งไปเลยค่ะ ดีใจจนบอกไม่ถูก 
เบื้องหลังการทำงาน
                        และความรู้สึกหลังทำนิตยสารเสร็จและส่งอาจารย์แล้วนั้นคงจะบอกได้คำเดียวว่า ภูมิใจ ปลื้มใจ ดีใจ ประทับใจ บอกไม่ถูกเลย รู้สึกว่าโล่ง มีความสุข และยังได้รู้ว่าการได้ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนต่างกลุ่มนั้นมันมีความสุขมากๆ เพราะทุกคนช่วยเหลือกันด้วยความจริงใจ ทำงานกันอย่างสุดความสามารถและสุดท้ายอยากขอขอบคุณ อาจารย์นัทธีรัตน์ ที่ได้มอบหมายงานนี้ให้กลุ่มพวกเรา มันทำให้รู้ซึงถึงความอดทน ความพยายาม ความยากลำบาก ความเหน็ดเหนื่อย และ มิตรภาพที่ดี นั้นเป็นอย่างไรค่ะ 
เบื้องหลังการทำงาน